กรรมการผู้จัดการ Girard-Perregaux ตอบทุกคำถามที่คุณอยากรู้ก่อนตัดสินใจซื้อเรือนเวลาจากแบรนด์ระดับประวัติศาสตร์นี้
บทความ: รักดี โชติจินดา ภาพ: Girard-Perregaux
นักสะสมนาฬิกาแต่ละท่านก็มีเกณฑ์ในการเลือกชอบหรือซื้อไม่เหมือนกัน สำหรับท่านที่ให้น้ำหนักกับประวัติศาสตร์อยู่แล้วก็ย่อมเล็งเห็นถึงความน่าสนใจของ Girard-Perregaux ซึ่งมีประวัติศาสตร์สืบย้อนกลับไปได้ถึงปี ค.ศ. 1791 แบรนด์นาฬิการะดับไฮเอ็นด์จากเมืองลาโชเดอฟ็องต์นี้สามารถสร้างชื่อในระดับสากลได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงไม่กี่ทศวรรษแรกของการดำเนินกิจการด้วยนวัตกรรมหลายรายการ โดยมีสถาปัตยกรรมเครื่องนาฬิกาแบบตูร์บิยองวิธธรีบริดเจสเป็นดีไซน์ที่โดดเด่นที่สุดของแบรนด์
ปัจจุบัน Girard-Perregaux เป็นส่วนหนึ่งในเครือ Sowind ร่วมกับ Ulysse Nardin และยังคงผลิตนาฬิกาตามมาตรฐานสูงสุดของวงการนาฬิกาเหมือนแต่ก่อน และนิตยสาร World of Watches Thailand ก็ได้รับความไว้วางใจให้สัมภาษณ์คุณมาร์ค ไมเคิล-อามาดรี กรรมการผู้จัดการ Girard-Perregaux ในโอกาสที่ท่านเดินทางมายังกรุงเทพมหานครเพื่อร่วมงานเปิดตัวนาฬิการุ่น Deep Diver
อยากให้คุณเริ่มด้วยการอธิบายผู้อ่านของเราครับว่าสถานะของ Girard-Perregaux ในเครือ Sowind ปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไร
เราก็เหมือนกับเครือใหญ่อื่นที่มีแบรนด์หลายแบรนด์นะครับ อย่าง Sowind เรานั้นมี 2 แบรนด์ และก็เป็นแบรนด์นาฬิกาชั้นสูงที่น่าทึ่งทั้งคู่เสียด้วย และเราก็เหมือนกับเครือบริษัทอื่นๆ ตรงที่แบรนด์ภายในเครือสามารถแลกเปลี่ยนซึ่งวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดระหว่างกัน แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยังเป็นอิสระจากกันโดยสมบูรณ์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบนาฬิกา การพัฒนาเครื่องนาฬิกา ตลอดจนการจัดการกลยุทธ์ด้านการตลาดและการดำเนินธุรกิจในระดับโลกของตนเอง
Girard-Perregaux มีพนักงานกี่คนครับ
ข้อนี้ตอบยากครับเพราะว่าหลายแผนกเป็นคนส่วนกลางที่ดูแลทั้งเครือบริษัทอย่างเช่นฝ่ายการเงินและฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรืออย่างที่เราเรียกว่าฝ่ายสนับสนุนต่างๆ ผมว่าประเด็นสำคัญที่ทุกคนควรจะทราบเอาไว้ก็คือว่าเครือ Sowind ทั้งโลก ทั้งในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ รวมกัน มีพนักงานราว 400 กว่าคนครับ นี่คือนับรวมแบบทั้งเครือเลย
ตลาดต่างๆ ทั่วโลกของคุณมีน้ำหนักเท่าๆ กันหรือไม่
ในแง่ของยอดขายนั้น เรามีการกระจายตัวที่ดี หมายความว่าเราไม่ได้พึ่งตลาดใดตลาดหนึ่งเพียงอย่างเดียวเป็นอย่างมาก แบรนด์นาฬิกาบางแบรนด์พึ่งตลาดจีนเป็นอย่างมากหากมองเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขาย แต่เราไม่ใช่แบบนั้น เรามีสัดส่วนที่เหมาะสมในทุกตลาดสำคัญของโลก และเราก็ต้องการคงไว้ซึ่งสัดส่วนเช่นนี้ และเพราะว่าเราเป็นผู้ผลิตนาฬิการะดับขายคนเฉพาะกลุ่มมากกว่า ดังนั้นเราจึงไม่ได้มีเป้าหมายเรื่องจำนวนการผลิตเท่ากับบางแบรนด์ แต่เราขับเคลื่อนด้วยคุณค่าและแนวคิดที่ว่าเมื่อใครมีปฏิสัมพันธ์กับ Girard-Perregaux นั่นเป็นเพราะว่าเขาผู้นั้นมองแล้วว่าแบรนด์ของเรานี้ทำทุกสิ่งในวิธีที่พิเศษเป็นอย่างมาก โดยไม่มีการประนีประนอมในเรื่องของคุณภาพ และเพียบพร้อมด้วยความสุจริตของผู้ผลิตนาฬิกาตัวจริง
แนวทางการดำเนินงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือการสื่อสารจะเปลี่ยนไปหรือไม่เมื่อมีคุณมาเป็นกรรมการผู้จัดการแล้ว
ผมไม่อยากให้การมาของผมหมายถึงการที่อะไรต้องเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน สำหรับผมแล้ว บทบาทของผมกับทีมที่สวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ทั่วโลกคือการทำให้โลกรู้ว่า Girard-Perregaux คืออะไร ความตั้งใจของเราไม่ใช่การเปลี่ยนหรือเอา Girard-Perregaux เข้าไปอยู่ตรงจุดที่เรารู้สึกว่ามันมีที่ว่างอยู่ แต่เป็นการทำให้มั่นใจได้ว่าอัตลักษณ์สำคัญของ Girard-Perregaux ในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่แท้จริงเพียงหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ในวงการนั้นได้รับการสื่อสารออกไปอย่างถูกต้องและเหมาะสมจนเห็นภาพได้ชัด และทำให้ผู้คนเข้าใจว่าเนื้อแท้ของ Girard-Perregaux นั้นคืออะไร นั่นคือภารกิจอันดับหนึ่งของเราครับ
ตูร์บิยองวิธธรีบริดเจสเป็นมรดกที่โดดเด่นและไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้ของ Girard-Perregaux คุณคิดว่าคุณจะใช้ประโยชน์จากดีไซน์นี้อย่างไรในอนาคตครับ
นี่เป็นคำถามที่ดีมากครับ นี่เป็นคำถามที่ดีมากครับ ธรีบริดเจสนั้นเป็นมากกว่ากลไก มันเป็นดีไซน์ระดับซิกเนเจอร์ด้วย ผมอยากให้เรานึกย้อนกลับไปก่อนครับว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 1867 เพราะจนถึงเวลานั้น นาฬิกาเกือบทั้งหมดก็หน้าตาเหมือนกันทั้งนั้น เมื่อคุณเปิดตัวเรือนขึ้นมาก็จะเห็นเครื่องที่ดูแบนๆ เหมือนกันทั้งนั้น แล้ววันหนึ่งก็มีชายคนหนึ่งชื่อว่าก็องสต็อง จิราด์ที่ตัดสินใจคิดทุกอย่างแบบนอกกรอบใหม่หมดว่าเครื่องนาฬิกาควรจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เขารื้อรากฐานเดิม จัดระเบียบใหม่ จัดโครงสร้างใหม่ และสร้างสถาปัตยกรรมใหม่ที่ไม่ใช่แค่มีประโยชน์ในเชิงการทำงานเท่านั้นแต่ว่ายังน่าชมอีกด้วย
ในอีก 2 ปีข้างหน้านะครับ ในปี 2027 เราจะฉลองครบรอบ 160 ปีของธรีบริดเจส ขณะนี้เราอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอะไรใหม่ๆ หลายอย่างซึ่งจะนำไปสู่เครื่องนาฬิกาธรีบริดเจสรุ่นใหม่ที่จะสะท้อนถึงปรัชญาของดีไซน์นี้ได้โดยสมบูรณ์ในปีครบรอบในอีก 2 ปีที่ว่านี้ เราจะทำเรื่องนี้แบบใหญ่โตครับ และเราจะทำให้ดีไซน์ระดับซิกเนเจอร์นี้โดดเด่นไปเป็นเวลาอีกนานหลายทศวรรษ
คุณคิดว่า Girard-Perregaux ควรจะมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายและผู้หญิงมากน้อยเพียงใด
สำหรับ Girard-Perregaux แล้ว ผมไม่เชื่อเรื่องการแบ่งสัดส่วนตามเพศนะครับ ผมเชื่อว่าเราจะต้องออกแบบนาฬิกาให้ดูดีแบบเหลือเชื่อก่อน อย่างที่มีทั้งความงามและความเป็นเลิศด้านการประดิษฐ์นาฬิกาในหนึ่งเดียวกัน และผมเชื่อว่าการจะเข้าถึงใจผู้หญิงได้นั้นไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาเรือนเล็กแบบประดับเพชรเสมอไป ถ้าเราจะไปแนวนั้น เราจะต้องลงไปแข่งกับยักษ์ใหญ่หลายราย เราเพียงต้องสร้างนาฬิกาที่สวยงามที่สุด ด้วยฝีมือที่ประณีตที่สุด ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดที่สุด ด้วยเครื่องที่ดีที่สุด ด้วยทุกสิ่งที่ออกแบบ พัฒนาและผลิตขึ้นในรูปแบบอินเฮ้าส์ ผมเชื่อว่าเราจะมีลูกค้าที่เป็นผู้หญิง 10-15% อยู่แล้วโดยที่ไม่ได้ตั้งใจออกแบบนาฬิกาอย่างที่คนเรียกว่านาฬิกาผู้หญิงครับ
มาคุยเรื่อง Legacy Editions กันบ้างนะครับ เพราะ Casquette ที่ออกมานั้นดูมีเอกลักษณ์มากๆ ส่วน Deep Diver ก็สะดุดตาผู้คนด้วยสีสัน แล้วแบบนี้กลยุทธ์ของคุณคืออะไรครับ หรือว่าคุณตั้งใจจะออกนาฬิกาในไลน์นี้บ่อยมากน้อยเพียงใด
เวลานี้ผมคิดว่าเราสามารถออกนาฬิกา Legacy Editions ปีละรุ่นได้อยู่ครับ คำถามคือเราจะทำในรูปแบบใดมากกว่า ถ้าเรามีดีไซน์และนาฬิกาวินเทจที่มีอะไรจะขยายความแบรนด์หรือมีอะไรเกี่ยวข้องกับแบรนด์และตัวตนของเราในลำดับที่ดี เราจะทำปีละรุ่นก็ได้ครับ แต่เราไม่ควรจะพูดว่าเราจะต้องทำปีละรุ่น เพราะถ้าพูดอย่างนั้นก็จะเป็นการบีบบังคับตัวเองให้ต้องทำ เราเพียงต้องทำให้แน่ใจว่านาฬิกา Legacy Editions ที่เราจะเปิดตัวทุกรุ่นต้องมีเรื่องเล่าดีๆ เกี่ยวกับแบรนด์ของเรา และเป็นเรื่องที่จริงแท้และมีความหมายด้วย
เรามี Casquette ซึ่งมีความหมายเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าดีไซน์ของมันพิเศษไม่เหมือนใคร และ Deep Diver ก็เป็นการสะท้อนถึงช่วงปลายยุคซิกซ์ตี้ส์ได้เป็นอย่างดี และเราก็สามารถทำของใหม่ให้ออกมาเหมือนเก่าได้อย่างดีเยี่ยมด้วย แน่นอนว่าเรามีนาฬิกาที่สามารถนำมาทำใหม่ได้หลายรุ่น เราแค่ต้องคิดว่าเราจะทำทุกปี ทุก 18 เดือนหรือทุก 2 ปี อย่างตอนนี้เราก็มีวางแผนไว้ว่าจะมีรุ่นหนึ่งในปีหน้า แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่สุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์และเรื่องราวอื่นๆ ที่เรากำลังพัฒนาอยู่ในเวลานี้
ช่วงหลังนี้นาฬิกาเรือนเล็กเรือนบางเรือนเดรสเป็นที่นิยมมากขึ้น แบบนี้เราจะได้เห็นอะไรใหม่จากคอลเลคชั่น Vintage 1945 ในปีนี้หรือไม่ครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณจริงๆ นะ แต่ประเด็นสำหรับผมในเวลานี้ก็คือว่า เมื่อคุณจะสร้างแบรนด์ คุณก็จะต้องมีลำดับในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเหมาะสม แน่นอน ผมเห็นด้วยกับคุณว่า 1945 ที่มีตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมนั้นมีบุคลิกที่ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ถ้าใครใส่ 1945 คุณก็จะมองเห็นแต่ไกลแล้ว นั่นหมายความว่าดีไซน์ของมันจะต้องดีหรือมันมีพื้นฐานที่เหมาะสม คำถามสำหรับเราในวันนี้คือว่าเราจะเอาอะไรใหม่ไปใส่ให้กับคอลเลคชั่นนั้นซึ่งเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าอย่างไร คุณก็จะต้องมีอะไรใหม่เตรียมไว้สำหรับการฉลอง 50 ปีของ Laureato แน่ๆ ใช่หรือไม่ครับ เพราะว่า Girard-Perregaux เน้น Laureato มาพักใหญ่แล้ว
และผมขอเผยโฉม Laureato Fifty เรือนนี้เลยครับ นาฬิการุ่นนี้เป็นการสดุดีต้นกำเนิดของคอลเลคชั่น และในขณะเดียวกันก็เป็นก้าวเข้าหาอนาคตด้วย รูปลักษณ์ของนาฬิการุ่นนี้มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับนาฬิกา Laureato รุ่นแรกในปี 1975 ซึ่งเป็นสตีลและเยลโลว์โกลด์ และมีหน้าปัดสีสเลทเกรย์ หน้าปัดในรุ่นใหม่ของเรานี้ได้รับการปรับปรุงจาก Laureato รุ่นปัจจุบัน ลวดลายคลูส์เดอปารีส์จะลึกและชัดเจนกว่าเดิม แต่ไม่เยอะเกินไป ทุกอย่างดูสุขุมเสมอ และก็มีสิ่งหนึ่งที่นักสะสมมักจะพูดถึง นั่นก็คือหลักชั่วโมงแบบขีดคู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาแทนตรา GP ที่ใช้อยู่ในหน้าปัดของ Laureato รุ่นปัจจุบัน ขอบตัวเรือนที่กว้างขึ้นทำให้นาฬิกาดูมีตัวตนมากขึ้นและมีการขัดเงาและขัดด้านสลับกัน ในเรื่องขนาดนั้น ตัวเรือนของนาฬิการุ่นนี้มีขนาด 39 มม. และหนา 10 มม. ครับ
สายนาฬิกาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปด้วย แต่ผมบอกไม่ได้ว่าเปลี่ยนไปอย่างไร
ที่คุณเห็นอยู่นี้เป็นดีไซน์แบบยกระดับใหม่ของสายนาฬิกาเรา ขอบด้านข้างได้รับการขัดแต่งมากกว่าเดิมเล็กน้อยโดยรอบ ข้อสายสั้นลงและชิดกันมากขึ้น สายนี้จับแล้วรู้สึกหนักแน่นมาก และเราได้รับทราบมาว่านักสะสมของเราชอบสวมใส่สายโลหะแบบนี้ตลอดทั้งวัน และบางครั้งข้อมือก็ขยายตัวเพราะอุณหภูมิหรือความชื้น เมื่อเป็นเช่นนั้นคุณก็เพียงดึงตรงนี้เพื่อให้สายยาวขึ้นข้างละ 2 มม. รวมเป็น 4 มม. แล้วคุณก็สามารถดันกลับเข้าไปได้แบบนี้เมื่อร่างกายเย็นลงหลังจากกลับเข้ามาในออฟฟิศที่มีแอร์ โครงสร้างตรงนี้แข็งแรงมากๆ ใช้งานง่ายและแนบเนียนมากครับ
เครื่องรุ่นใหม่ที่คุณใช้ใน Laureato Fifty มีอะไรเป็นคุณสมบัติพิเศษบ้างครับ
เราออกแบบเครื่องรุ่นคาลิเบอร์ GP4800 นี้แบบใหม่หมด ตัวเครื่องมีความบาง 4.28 มม. โครงสร้างนี้เกิดด้วยความตั้งใจอย่างดีของเรา และเราก็มีการอัพเกรดภายในเครื่องเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพในการนวัตกรรมของเราด้วย เวลานี้เรามีซิลิเซียมเอสเคปเมนท์แล้วเพื่อความเสถียรยิ่งขึ้นและความทนทานต่อสนามแม่เหล็กที่ดีขึ้น แรงบิดของเครื่องก็สูงขึ้นซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เราทำอะไรกับเครื่องรุ่นนี้ได้อีกหลากหลาย เรามีบอลแบริ่งที่ผลิตจากเซรามิกและระบบการทำงานที่เงียบกว่าเดิมด้วยเพื่อประสบการณ์การสวมใส่นาฬิกาที่ดียิ่งขึ้น และสุดท้ายคือเรามีการขัดแต่งบนเครื่องมากถึง 10 ลวดลายเพื่อมอบความพึงพอใจให้กับคุณ
อยากฝากอะไรส่งท้ายบทความสัมภาษณ์นี้หรือไม่ครับ
เรามีอะไรน่าตื่นเต้นจะโชว์อีกมากมาย อย่างที่บอกตอนแรกนะครับว่าสิ่งที่เราต้องการทำก็คือการแสดงออกซึ่งตัวตนของเรา เราเป็นผู้ประดิษฐ์นาฬิกาชั้นเลิศที่มีอายุ 234 ปี มีความเชี่ยวชาญในหลายด้าน และมีนวัตกรรมเป็นที่ประจักษ์มาโดยตลอด ดังนั้นเราจึงต้องการนำเสนอถึงสิ่งนี้ และเรามีความตั้งใจที่จะนำผลงานนาฬิกาชั้นสูงที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากมาสู่ตลาดครับ
We met Marc Michel-Amadry for the first time, and spent almost an hour on topics we believe potential customers will need to know about this historic brand.
Words: Ruckdee Chotjinda Photos: Girard-Perregaux
Watch collectors are motivated by diverse factors. For those who value history as a key element of their collecting criteria, Girard-Perregaux is likely already held in high esteem. Tracing their origins back to 1791, the La Chaux-de-Fonds manufacture gained international recognition within their early decades and is credited with several innovations, most notably the distinctive Tourbillon with Three Bridges design. Today, the brand forms part of the Sowind group, alongside Ulysse Nardin, and continues to produce timepieces that exemplify the highest classical standards of watchmaking. It was with this legacy in mind that we were delighted to meet their Managing Director Marc Michel-Amadry during his visit to Bangkok for the launch of the Deep Diver watch.
Please share with our readers the current nature of Girard-Perregaux within the Sowind group.
It’s like all groups where you have a portfolio of brands. Within the Sowind group, you have two brands, two amazing haute horlogerie manufactures. And like in all other groups, there are opportunities to partner together to share best practices, but you are at the same time very independent. The two brands are totally independent in the way they design timepieces, the way they manage their own movement developments, and the way they organise their marketing and global strategies.
How many people do you employ at Girard-Perregaux?
It’s hard to say because there are some departments which are shared like finance, HR, like what we call the support departments. I think the most important is to understand that the Sowind group is globally, between Switzerland and our global representatives, it’s more than 400 people, for the entire group.
How balanced are your markets around the world?
We have very, let’s say, balanced distribution in terms of turnover. That means there’s not one market on which we highly depend. There are some watch brands which are extremely exposed in China as a percentage of the total business. It’s not our case. I think we have reasonable share in all key markets globally and this is something that we want to maintain. And because we are more of a manufacture for connoisseurs, so we’re less driven by volume, we are much more driven by value and the idea that when someone engages with Girard-Perregaux, it’s because he or she distinctively identified this brand as doing everything in a very special way, without compromise, and with all the integrity of a real manufacture.
What kind of operational, product or communication change should we expect with your arrival in this role as the Managing Director?
I don’t want my role to be suddenly things will change. For me, my role with the team in Switzerland and globally is to reveal what Girard-Perregaux is. The idea is not to change and to try to position Girard-Perregaux in a place where we will feel there’s an empty place or an empty room. It’s about making sure that the fundamental identity of Girard-Perregaux, being one of the very few genuine and authentic manufacture in this industry, that this identity is properly explained, properly demonstrated, properly presented visually so that ultimately people better understand what stands behind Girard-Perregaux. That’s the number one priority.
The Tourbillon with Three Bridges is an unmistakable and inimitable heritage of Girard-Perregaux. How do you plan to leverage on this great asset going forward?
It’s a very good question. It’s a very good question. The Three Bridges is more than mechanics – it’s also a design signature. And let’s try to reflect back to what happened in 1867. Until then, most of the watches were basically more or less all looking the same. You open the case and you discover a flat, very consistent, very usual design. And then, you have one gentleman, Constant Girard who decided to completely think out-of-the-box, to completely reimagine how the movement should look like. He was destructuring, reorganizing, restructuring and creating a new architecture which is not only functional but it’s absolutely visual.
In two years, in 2027, we celebrate 160 years of the Three Bridges. We have currently in development a lot of very unique developments in the field of Three Bridges with brand new movements that will best express the entire philosophy of Three Bridges for that anniversary in two years. We will really make a big story out of it and this signature will remain vibrant for the decades to come.
What is the ideal product gender ratio for Girard-Perregaux in your view?
For Girard-Perregaux, I don’t believe in a gendered approach. I believe that we need first to design amazing watches which encounter beauty and watchmaking excellence. And I believe that’s the best way to talk to women is not necessarily to do a small case with diamonds. Engaging that kind of products means you are entering in a competition with giants. For us, we just need to create the most beautiful watches with the greatest craftsmanship, with the greatest attention to details, with the greatest movements, where everything is designed, developed and produced in-house. And I’m convinced we will always have 10 to 15% of our business with the ladies while not designing purposedly what people see as ladies’ watches.
Let’s talk also about Legacy Editions watches. Your Casquette is absolutely unmistakable. Your Deep Diver attracts a lot of attention with its colour splashes. What is your strategy or intended pace here?
At the moment I think introducing one Legacy Editions every year is doable. The question is always how you do it. If you have a good sequence of vintage designs and creations which have something to say and are relevant about the brand and who we are, of course, we can have once a year. But we should not say we need to do once a year, and then you feel obliged to push one. No, we need just to make sure that every time we release one, it tells a good story about the brand – an honest, meaningful story about the brand.
We had the Casquette which was very meaningful because the design was so extraordinary. The Deep Diver also is a great reflection of the late 60s, and we have done a very honest work in terms of re-edition. Of course, we have a lot of candidates on the list and we just need to think if we should we go every year, every 18 months or every two years. We have planned in principle to have one next year, but that won’t be the priority versus many other big launches and stories.
Given the growing popularity of smaller, slimmer or otherwise dressier watches, should we expect something new in the Vintage 1945 collection this year?
Honestly, I do agree with you. The question at the moment is for me, when you build a brand, it’s a question of sequence. For sure, I believe that and I agree with you, the 1945 as a rectangle shape case has truly a unique personality. If you see someone wearing a 1945, you can pretty easily see this from far away. So that means the design is right or it has really good fundamentals. The question for us today is what is the priority to really refresh or reinject something into that collection. That will certainly happen in the future.
But, most certainly, you have planned something for the 50th anniversary of the Laureato, which has been the focus of Girard-Perregaux for a prolonged period of time now.
And now I reveal to you the Laureato Fifty. This Laureato really pays tribute to where the origin of the collection comes from, but it is also a step in the future direction. The identity of this watch connects to the very first Laureato in 1975, which was launched in steel and yellow gold with the slate grey dial. The dial is also reworked, compared to the current Laureato models. The Clous de Paris pattern is a little bit deeper and more dramatic but never exaggerated – it’s always very calm. And, finally, you have one thing also that have been often mentioned by collectors is the 12 o’clock double index instead of the GP monogram in the current collection. The bezel is wider so there is more presence, and you have a nice combination as well between the brilliant and the satin finish. You can notice also proportion-wise we have here a case which is 39 mm, and the height of 10 mm.
The bracelet seems to have changed as well but I cannot exactly pinpoint how.
What you can see here is definitely high elevated design for the bracelet. The edges on the side are a little bit more worked all around. The links are a little bit shorter and nearer to each other. It feels very solid. We also hear about our collectors that really appreciate to wear the bracelet any time of the day. So sometimes your wrist is a bit larger because of temperature or humidity, then you can adjust by just pulling to give you 2 mm on each side for a total of 4 mm. And then you can just plug it back to make it tighter when you are cooler in the office with air conditioning. It’s a very steady construction, easy to use and invisible.
What are the advantages of the new movement you are introducing with this Laureato Fifty?
We have totally a new construction here for Calibre GP4800 which is thin at 4.28 mm. The construction is made with a very great intention. And, of course, we have introduced some upgrades inside the movement to reflect our innovative capabilities. We have here now a silicium escapement for better stability and anti-magnetism. We have also a higher torque, which will allow us to have multiple possibilities what we are able to do with the movement. We have also ball bearing in ceramic with a quieter system to allow also a better experience on the wrist. And finally, we have ten types of finishings to give you even more pleasure.
Do you wish to leave some parting words to inspire potential customers?
We have truly fundamentally a lot of exciting stuff. Again, what we want to do is just to reveal who we are: we are an extraordinary manufacture, 234 years old, amazing expertise, milestones of innovations. And we just want to reflect that and we have the ambition to come to the market with a lot of really exciting haute horlogerie creations.
